ในโลกที่ข้อมูลข่าวสารไหลบ่าอย่างไม่หยุดหย่อน การรับรู้และการตัดสินใจของเรามักถูก “อคติทางปัญญา” (Cognitive Bias) บิดเบือนไปโดยไม่รู้ตัว มันอาจทำให้เราเลือกเชื่อข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ตัดสินใจผิดพลาด หรือแม้แต่สร้างความขัดแย้งในสังคมที่เราอยู่ เคยสงสัยไหมว่าทำไมบางครั้งเราถึงเชื่อในเรื่องเดิมๆ แม้จะมีหลักฐานค้านมากมาย?
หรือทำไมโฆษณาบางตัวถึงดึงดูดใจเราเป็นพิเศษ? คำตอบอาจอยู่ที่อคติทางปัญญาเหล่านี้แหละครับ! มันซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังความคิดและการกระทำของเราอย่างเงียบเชียบ แต่กลับมีอิทธิพลต่อสังคมโดยรวมอย่างมหาศาล ตั้งแต่การเมือง เศรษฐกิจ ไปจนถึงความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลผมเองก็เคยเจอกับตัวเองนะ ตอนนั้นกำลังจะตัดสินใจลงทุนในหุ้นตัวหนึ่ง เห็นเพื่อนๆ เชียร์กันใหญ่ บอกว่ากำไรดีอย่างนั้นอย่างนี้ ผมก็เกือบจะตามน้ำไปแล้ว แต่พอได้ลองศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดถี่ถ้วน กลับพบว่าบริษัทนั้นมีหนี้สินเยอะพอสมควร โชคดีที่ผมไม่เชื่อตามคนอื่นอย่างเดียว ไม่อย่างนั้นคงขาดทุนไปแล้ว!
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าเราต้องระวังอคติทางปัญญาให้ดี อย่าให้มันมาครอบงำการตัดสินใจของเราและในยุคที่ AI กำลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้น อคติทางปัญญาก็ยิ่งน่ากังวล เพราะ AI ก็อาจถูกป้อนข้อมูลที่มีอคติ ทำให้มันตัดสินใจหรือสร้างผลลัพธ์ที่ไม่เป็นธรรมได้ ดังนั้นการทำความเข้าใจและรับมือกับอคติทางปัญญาจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับทุกคนในสังคมต่อไปนี้เราจะไปเจาะลึกถึงอคติทางปัญญาที่พบบ่อยๆ ในชีวิตประจำวัน และผลกระทบที่มันมีต่อสังคมไทยกันครับ มาทำความเข้าใจให้กระจ่างแจ้งกันเลย!
อคติที่ซ่อนเร้นในชีวิตประจำวัน: เรามองโลกผ่านแว่นตาแบบไหน?
1. อคติยืนยัน (Confirmation Bias): ทำไมเราถึงชอบฟังแต่เรื่องที่ “ใช่”
เคยไหมครับ เวลาที่เรามีความเชื่ออะไรบางอย่างอยู่แล้ว เรามักจะมองหาแต่ข้อมูลที่สนับสนุนความเชื่อนั้น และมองข้ามข้อมูลที่ขัดแย้งไปซะอย่างนั้น? นั่นแหละครับคืออคติยืนยัน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเลยคือ เวลาเราเชียร์ทีมฟุตบอลทีมหนึ่ง เราก็จะมองเห็นแต่ข้อดีของทีมนั้น และมองข้ามข้อเสียไปซะหมด หรือเวลาที่เราเชื่อในทฤษฎีสมคบคิด เราก็จะมองหาแต่หลักฐานที่สนับสนุนทฤษฎีนั้น แม้ว่าหลักฐานนั้นจะอ่อนมากก็ตาม
ในสังคมไทย อคตินี้อาจส่งผลให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองได้ง่าย เพราะแต่ละฝ่ายก็จะเลือกเชื่อแต่ข้อมูลที่สนับสนุนความคิดของตัวเอง และไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของอีกฝ่ายเลย นอกจากนี้ อคติยืนยันยังอาจทำให้เราตัดสินใจลงทุนผิดพลาดได้ด้วย เพราะเราอาจจะมองเห็นแต่ข้อดีของหุ้นตัวหนึ่ง และมองข้ามความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้
ผมเคยเจอเหตุการณ์ที่เพื่อนคนหนึ่งเชื่อว่าการใส่พระเครื่องจะช่วยให้แคล้วคลาดปลอดภัย เขาจึงใส่พระเครื่องติดตัวตลอดเวลา แม้ว่าจะมีข่าวอุบัติเหตุที่คนใส่พระเครื่องเสียชีวิตอยู่บ่อยๆ เขาก็ยังเชื่อมั่นในพระเครื่องของเขาอย่างแรงกล้า นี่แหละครับคือตัวอย่างของอคติยืนยันที่ฝังรากลึกในความเชื่อส่วนบุคคล
2. อคติความพร้อมใช้งาน (Availability Bias): ข่าวร้ายมักขายดี
อคติความพร้อมใช้งานคือการที่เราตัดสินใจเรื่องต่างๆ โดยอิงจากข้อมูลที่อยู่ในหัวเราได้ง่ายที่สุด ข้อมูลเหล่านั้นมักจะเป็นข้อมูลที่เพิ่งเกิดขึ้น ข้อมูลที่น่าตกใจ หรือข้อมูลที่เราได้ยินได้ฟังบ่อยๆ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราเพิ่งได้ยินข่าวเครื่องบินตก เราก็จะรู้สึกกลัวการขึ้นเครื่องบินมากกว่าปกติ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วการเดินทางโดยเครื่องบินยังคงปลอดภัยกว่าการเดินทางโดยรถยนต์มาก
ในประเทศไทย อคตินี้อาจส่งผลให้เกิดความตื่นตระหนกในสังคมได้ง่าย เช่น เวลาที่มีข่าวอาชญากรรมรุนแรงเกิดขึ้น เราก็จะรู้สึกว่าบ้านเมืองไม่ปลอดภัย ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วสถิติอาชญากรรมอาจไม่ได้สูงขึ้นมากนัก นอกจากนี้ อคติความพร้อมใช้งานยังอาจทำให้เราตัดสินใจซื้อประกันมากเกินความจำเป็นได้ด้วย เพราะเราอาจจะกังวลกับเหตุการณ์ร้ายๆ ที่เราได้ยินได้ฟังมามากเกินไป
ผมเคยเจอเหตุการณ์ที่ตัวเองเกือบจะตัดสินใจผิดพลาดเพราะอคติความพร้อมใช้งาน ตอนนั้นมีข่าวว่ามีคนถูกหลอกให้ลงทุนในแชร์ลูกโซ่เยอะมาก ผมก็เลยรู้สึกกลัวการลงทุนไปเลย ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วการลงทุนในรูปแบบอื่นๆ ก็ยังมีอยู่มากมาย และให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าด้วย โชคดีที่ผมได้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ ไม่อย่างนั้นคงพลาดโอกาสในการลงทุนดีๆ ไปแล้ว
เมื่ออคติกลายเป็น “เชื้อร้าย” ในสังคม: ผลกระทบต่อการเมือง เศรษฐกิจ และความสัมพันธ์
1. การเมือง: เมื่ออคติสร้างความแตกแยก
อคติทางการเมืองเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้สังคมแตกแยก เพราะแต่ละฝ่ายก็จะเลือกเชื่อแต่ข้อมูลที่สนับสนุนพรรคหรือนักการเมืองที่ตัวเองชื่นชอบ และไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของอีกฝ่ายเลย นอกจากนี้ อคติยังอาจทำให้เกิดการใส่ร้ายป้ายสีกันทางการเมือง ทำให้บรรยากาศทางการเมืองเป็นไปอย่างดุเดือดและไร้เหตุผล
- อคติยืนยัน: เลือกเสพแต่ข้อมูลที่ตรงกับความเชื่อทางการเมืองของตนเอง
- อคติความพร้อมใช้งาน: ตัดสินใจทางการเมืองจากข่าวที่เพิ่งเกิดขึ้น หรือข่าวที่น่าตกใจ
- อคติกลุ่มพวก (In-group Bias): สนับสนุนคนในกลุ่มของตนเองมากกว่าคนนอกกลุ่ม
ผมเคยเห็นเพื่อนหลายคนทะเลาะกันเรื่องการเมืองอย่างรุนแรง เพียงเพราะมีความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกัน ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วพวกเขาก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาตลอด เรื่องนี้ทำให้ผมรู้สึกเสียใจมาก เพราะอคติทางการเมืองทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาต้องพังลง
2. เศรษฐกิจ: อคติที่ทำให้การลงทุน “ติดดอย”
อคติในการลงทุนอาจทำให้เราตัดสินใจผิดพลาด และทำให้เราต้องขาดทุนได้ เช่น อคติความเชื่อมั่นเกินไป (Overconfidence Bias) อาจทำให้เราคิดว่าเรามีความรู้ความสามารถในการลงทุนมากกว่าคนอื่น และกล้าที่จะลงทุนในสิ่งที่เสี่ยงเกินไป หรืออคติการเสียใจ (Loss Aversion Bias) อาจทำให้เราไม่กล้าที่จะขายหุ้นที่ขาดทุน เพราะกลัวที่จะต้องยอมรับความผิดพลาด
อคติ | ผลกระทบต่อการลงทุน |
---|---|
อคติความเชื่อมั่นเกินไป | ลงทุนในสิ่งที่เสี่ยงเกินไป |
อคติการเสียใจ | ไม่กล้าขายหุ้นที่ขาดทุน |
อคติการเลียนแบบ (Herd Behavior) | ซื้อขายตามคนอื่น โดยไม่พิจารณาข้อมูลให้รอบคอบ |
ผมเคยเห็นคนรู้จักคนหนึ่งลงทุนในหุ้นปั่นตามเพื่อน โดยที่ไม่ศึกษาข้อมูลอะไรเลย สุดท้ายก็ต้องขาดทุนไปเยอะมาก เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าการลงทุนต้องมีสติ อย่าเชื่อคนอื่นง่ายๆ และต้องศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ
3. ความสัมพันธ์: อคติที่บั่นทอนความเข้าใจ
อคติในความสัมพันธ์อาจทำให้เราเข้าใจผิด และทำให้ความสัมพันธ์ต้องสั่นคลอนได้ เช่น อคติการคาดหวัง (Expectation Bias) อาจทำให้เราคาดหวังว่าคนรักของเราจะต้องเป็นอย่างที่เราต้องการ และเมื่อเขาไม่เป็นอย่างที่เราต้องการ เราก็จะรู้สึกผิดหวังและไม่พอใจ หรืออคติการตัดสิน (Judgmental Bias) อาจทำให้เราตัดสินคนอื่นจากรูปลักษณ์ภายนอก หรือจากข้อมูลที่เราได้รับมา โดยที่เรายังไม่ได้ทำความรู้จักกับเขาจริงๆ
1. อคติการคาดหวัง
2. อคติการตัดสิน
3. อคติเห็นแก่ตัว (Self-Serving Bias)
ผมเคยเจอเหตุการณ์ที่เพื่อนสนิทคนหนึ่งทะเลาะกับแฟน เพราะต่างฝ่ายต่างก็คาดหวังให้อีกฝ่ายเป็นอย่างที่ตัวเองต้องการ สุดท้ายพวกเขาก็ต้องเลิกรากันไป เรื่องนี้ทำให้ผมรู้สึกเสียดาย เพราะพวกเขาสองคนรักกันมาก แต่กลับต้องมาเลิกกันเพราะความคาดหวังที่ไม่สมหวัง
ก้าวข้ามอคติ: สร้างสังคมที่เปิดกว้างและเข้าใจกันมากขึ้น
1. ตระหนักรู้: จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง
สิ่งแรกที่เราต้องทำคือการตระหนักรู้ว่าเราทุกคนมีอคติ และอคติเหล่านี้อาจส่งผลต่อการตัดสินใจของเราได้ เมื่อเราตระหนักรู้แล้ว เราก็จะสามารถระมัดระวังตัวเองมากขึ้น และพยายามที่จะมองสิ่งต่างๆ อย่างเป็นกลางมากขึ้น
- สังเกตความคิดและการตัดสินใจของตนเอง
- เปิดใจรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง
- ตั้งคำถามกับความเชื่อของตนเอง
ผมพยายามที่จะฝึกตัวเองให้เป็นคนที่มีสติอยู่เสมอ โดยการสังเกตความคิดและการตัดสินใจของตัวเอง และพยายามที่จะเปิดใจรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างจากตัวเอง นอกจากนี้ ผมยังพยายามที่จะตั้งคำถามกับความเชื่อของตัวเองอยู่เสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าความเชื่อเหล่านั้นไม่ได้มาจากอคติ
2. แสวงหาข้อมูลที่หลากหลาย: อย่าเชื่อในสิ่งที่คุณ “อยาก” เชื่อ
สิ่งสำคัญคือการแสวงหาข้อมูลที่หลากหลายจากแหล่งที่เชื่อถือได้ อย่าเลือกที่จะเชื่อแต่ข้อมูลที่สนับสนุนความเชื่อของเราเท่านั้น แต่ให้พยายามที่จะรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง และพิจารณาข้อมูลอย่างรอบด้านก่อนตัดสินใจ
- อ่านข่าวจากหลายสำนัก
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
- เข้าร่วมการสนทนาที่เปิดกว้าง
ผมพยายามที่จะอ่านข่าวจากหลายสำนัก เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่หลากหลาย และพยายามที่จะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเมื่อต้องการตัดสินใจในเรื่องที่สำคัญ นอกจากนี้ ผมยังพยายามที่จะเข้าร่วมการสนทนาที่เปิดกว้าง เพื่อรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างจากตัวเอง
3. ฝึกฝนการคิดเชิงวิพากษ์: แยกแยะ “ข้อเท็จจริง” จาก “ความคิดเห็น”
การคิดเชิงวิพากษ์คือความสามารถในการวิเคราะห์และประเมินข้อมูลอย่างมีเหตุผล แยกแยะข้อเท็จจริงจากความคิดเห็น และพิจารณาหลักฐานอย่างรอบคอบ การฝึกฝนการคิดเชิงวิพากษ์จะช่วยให้เราไม่ตกเป็นเหยื่อของอคติ และสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องมากขึ้น
1. ตั้งคำถามกับข้อมูล
2. พิจารณาแหล่งที่มาของข้อมูล
3. มองหาหลักฐานที่สนับสนุนหรือคัดค้าน
ผมพยายามที่จะฝึกฝนการคิดเชิงวิพากษ์อยู่เสมอ โดยการตั้งคำถามกับข้อมูลที่ได้รับมา พิจารณาแหล่งที่มาของข้อมูล และมองหาหลักฐานที่สนับสนุนหรือคัดค้านข้อมูลนั้นๆ
บทบาทของสื่อและเทคโนโลยี: สร้างหรือทำลาย?
1. สื่อ: ดาบสองคมที่สร้างและขยายอคติ
สื่อมีบทบาทสำคัญในการสร้างและขยายอคติ เพราะสื่อสามารถเลือกที่จะนำเสนอข้อมูลในลักษณะที่สนับสนุนความคิดเห็นของตนเอง หรือสามารถเลือกที่จะนำเสนอข่าวที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับสังคมได้ นอกจากนี้ สื่อยังอาจปล่อยให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องแพร่กระจายออกไปได้ง่ายๆ
- ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลก่อนแชร์
- สนับสนุนสื่อที่มีจริยธรรม
- วิพากษ์วิจารณ์สื่ออย่างสร้างสรรค์
ผมพยายามที่จะตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลก่อนที่จะแชร์ต่อ และพยายามที่จะสนับสนุนสื่อที่มีจริยธรรม นอกจากนี้ ผมยังพยายามที่จะวิพากษ์วิจารณ์สื่ออย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้สื่อตระหนักถึงบทบาทและความรับผิดชอบของตนเอง
2. เทคโนโลยี: อัลกอริทึมที่ “รู้ใจ” แต่กลับจำกัดโลกทัศน์
อัลกอริทึมของแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ มักจะถูกออกแบบมาเพื่อแสดงข้อมูลที่เราน่าจะชอบ ทำให้เราได้รับข้อมูลที่สนับสนุนความเชื่อของเราอยู่เสมอ และไม่ได้รับข้อมูลที่แตกต่างจากความเชื่อของเราเลย ซึ่งอาจทำให้เรามีโลกทัศน์ที่แคบลง และตกเป็นเหยื่อของอคติได้ง่ายขึ้น
1. ปรับแต่งการตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
2. ติดตามข่าวสารจากแหล่งที่หลากหลาย
3. วิพากษ์วิจารณ์อัลกอริทึมอย่างสร้างสรรค์
ผมพยายามที่จะปรับแต่งการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่หลากหลายมากขึ้น และพยายามที่จะติดตามข่าวสารจากแหล่งที่หลากหลาย นอกจากนี้ ผมยังพยายามที่จะวิพากษ์วิจารณ์อัลกอริทึมอย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้แพลตฟอร์มออนไลน์ตระหนักถึงผลกระทบของอัลกอริทึมต่อสังคม
บทสรุป
อคติเป็นสิ่งที่ฝังอยู่ในความคิดของทุกคน การตระหนักรู้และพยายามทำความเข้าใจอคติเหล่านี้ จะช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผลมากขึ้น และสร้างสังคมที่เปิดกว้างและเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้นได้
การก้าวข้ามอคติไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็เป็นสิ่งที่เราทุกคนสามารถทำได้ โดยเริ่มต้นจากการตระหนักรู้ถึงอคติของตนเอง แสวงหาข้อมูลที่หลากหลาย และฝึกฝนการคิดเชิงวิพากษ์
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้คุณผู้อ่านได้ตระหนักถึงอคติที่อาจมีอยู่ในชีวิตประจำวัน และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นได้นะครับ
ข้อมูลควรรู้
1. เช็คลิสต์อคติ: ลองค้นหา “cognitive bias checklist” ใน Google เพื่อดูรายการอคติที่พบบ่อย และตรวจสอบว่าคุณมีแนวโน้มที่จะเป็นอคติใดบ้าง
2. พอดแคสต์เกี่ยวกับการคิด: ฟังพอดแคสต์ที่เกี่ยวกับจิตวิทยา การคิดเชิงวิพากษ์ หรือการตัดสินใจ เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับอคติและวิธีการจัดการกับมัน ลองค้นหาพอดแคสต์ที่น่าสนใจใน Spotify หรือ Apple Podcasts
3. หลักสูตรออนไลน์: มีหลักสูตรออนไลน์มากมายที่สอนเกี่ยวกับการคิดเชิงวิพากษ์และการตัดสินใจที่ปราศจากอคติ ลองค้นหาหลักสูตรที่เหมาะสมกับคุณใน Coursera หรือ Udemy
4. หนังสือแนะนำ: “Thinking, Fast and Slow” โดย Daniel Kahneman เป็นหนังสือที่อธิบายถึงระบบการคิดสองแบบของเรา และอคติที่อาจเกิดขึ้นจากการคิดแบบเร็ว
5. เว็บไซต์ตรวจสอบข่าว: ใช้เว็บไซต์ตรวจสอบข่าว เช่น Sure and Share หรือ AFP Fact Check เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลก่อนที่จะแชร์ต่อ
ประเด็นสำคัญ
– อคติคือความเอนเอียงที่ฝังอยู่ในความคิดของเรา ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจของเราได้
– อคติมีหลายประเภท เช่น อคติยืนยัน อคติความพร้อมใช้งาน และอคติกลุ่มพวก
– อคติอาจส่งผลเสียต่อการเมือง เศรษฐกิจ และความสัมพันธ์
– เราสามารถก้าวข้ามอคติได้โดยการตระหนักรู้ถึงอคติของตนเอง แสวงหาข้อมูลที่หลากหลาย และฝึกฝนการคิดเชิงวิพากษ์
– สื่อและเทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในการสร้างและขยายอคติ แต่เราสามารถใช้สื่อและเทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์เพื่อลดอคติได้
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) 📖
ถาม: อคติทางปัญญาคืออะไร และทำไมเราถึงต้องสนใจมัน?
ตอบ: อคติทางปัญญาคือรูปแบบความคิดที่ผิดพลาด ซึ่งอาจทำให้เราตัดสินใจหรือตีความข้อมูลอย่างไม่ถูกต้อง มันเหมือนกับแว่นตาที่ใส่แล้วทำให้เรามองเห็นโลกบิดเบือนไปจากความเป็นจริง การที่เราต้องสนใจมันก็เพราะว่ามันส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของเรา ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างการเลือกซื้อสินค้า ไปจนถึงเรื่องใหญ่ๆ อย่างการตัดสินใจทางการเงินหรือการเมือง ถ้าเราไม่รู้ตัวว่าเรามีอคติทางปัญญา เราก็อาจจะตกเป็นเหยื่อของการตัดสินใจที่ผิดพลาดได้ง่ายๆ ครับ
ถาม: มีวิธีใดบ้างที่เราจะสามารถลดอคติทางปัญญาในชีวิตประจำวันของเราได้?
ตอบ: มีหลายวิธีครับ! อย่างแรกเลยคือการตระหนักรู้ว่าอคติทางปัญญามีอยู่จริง และเราทุกคนก็มีโอกาสที่จะมีมันได้ จากนั้นก็ต้องฝึกฝนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ พยายามมองข้อมูลจากหลายๆ มุม มองหาหลักฐานที่สนับสนุนและคัดค้านความคิดของเรา และอย่ากลัวที่จะเปลี่ยนความคิดเห็นถ้ามีข้อมูลใหม่ๆ ที่น่าเชื่อถือ นอกจากนี้ การพูดคุยกับคนที่มีความคิดเห็นแตกต่างจากเราก็เป็นวิธีที่ดีในการเปิดมุมมองและลดอคติทางปัญญาได้เหมือนกันครับ
ถาม: อคติทางปัญญาส่งผลกระทบต่อสังคมไทยอย่างไรบ้าง? มีตัวอย่างให้เห็นไหม?
ตอบ: อคติทางปัญญามีผลกระทบต่อสังคมไทยในหลายด้านเลยครับ ตัวอย่างเช่น อคติยืนยัน (Confirmation Bias) อาจทำให้คนเลือกที่จะเชื่อเฉพาะข้อมูลที่สอดคล้องกับความเชื่อเดิมของตัวเอง ทำให้เกิดความแตกแยกทางความคิดและการเมือง หรืออคติการยึดติด (Anchoring Bias) อาจทำให้คนตั้งราคาสินค้าหรือบริการสูงเกินจริง เพียงเพราะเคยเห็นราคาที่สูงกว่าในอดีต นอกจากนี้ อคติการคล้อยตาม (Bandwagon Effect) ก็อาจทำให้คนแห่ตามกระแสโดยไม่พิจารณาถึงเหตุผลหรือข้อเสีย ทำให้เกิดการลงทุนที่ไม่รอบคอบ หรือการตัดสินใจทางการเมืองที่ไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติโดยรวมครับ
📚 อ้างอิง
Wikipedia Encyclopedia
구글 검색 결과
구글 검색 결과
구글 검색 결과
구글 검색 결과